หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีแดดไม่มีใครหนีได้ และผลที่ตามมาก็คือ “ฝ้าแดด” ซึ่งเป็นปัญหาผิวหน้าที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง ซึ่งผิวเสียจากรังสี UV เป็นสิ่งที่ทำให้คุณอาจจะรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่ว่าจะเป็นความร้อน หรือรังสี UV เมื่อตกกระทบลงบนผิวหนังของเรา ก็จะทำให้เกิดเป็นฝ้า กระ หรือจุดด่างดำได้

แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว ฝ้าแดด ไม่ได้เกิดมาจากรังสี UV เท่านั้น ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดขึ้นได้อีกด้วย และเราเชื่อว่าปัญหาหลักของหนุ่ม – สาว ที่พบเจอมากที่สุดในปัจจุบันนี้ก็คือการเป็นฝ้าบริเวณแก้มทั้ง 2 ข้าง จนทำให้ไม่กล้าที่จะเผยหน้าสดออกจากบ้าน ซึ่งหลายคนก็คงจะมีคำถามที่ว่า ฝ้าเหล่านี้นั้นจะหายไปเองได้หรือไม่ใช่ไหมล่ะคะ?

วันนี้เราเลยจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับลักษณะของฝ้า ว่ามีแหล่งกำเนิดมาจากอะไรได้บ้าง และมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรให้รอยฝ้าที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของเราจางลง หรือมันสามารถหายไปเองได้หรือไม่ ลองมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กับบทความนี้ เพราะเราเชื่อว่าความสุขในการใช้ชีวิตคือการมีผิวหน้าที่เนียนใส เปล่งปลั่ง ดูมีชีวิตชีวา นอกจากนี้ใบหน้าที่ไร้ฝ้า หรือรอยสิว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณได้อีกด้วย

เริ่มต้นทำความเข้าใจก่อนว่า ฝ้าแดด คืออะไร

อย่างที่เรารู้กันดีว่ารังสี UV หรือ Ultra Violet เป็นรังสีที่มีความเข้มข้นอยู่ในแสงแดดที่เราต้องพบเจอเป็นประจำทุกวัน ซึ่งรังสีนี้สามารถที่จะทำลายผิวหนังของมนุษย์ได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็ตามที่โดนรังสีนี้ ก็จะมีลักษณะเป็นจุด ๆ เปลี่ยนสี ซึ่งนั่นคืออาการของการโดนเผาไหม้นั่นเอง ยิ่งถ้าเราอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน ๆ ก็จะทำให้ผิวคล้ำเสีย และผิวหนังถูกทำลายลึกเข้าไปอีก จนเกิดเป็นอาการฝ้าต่าง ๆ ขึ้นมานั่นเอง

สำหรับ ฝ้าแดด เป็นอาการของฝ้าชนิดหนึ่งที่จริง ๆ แล้วไม่ได้เกิดขึ้นมาจากแสงแดดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพราะมันยังสามารถเกิดได้จากหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นแสงจากหลอดไฟ LED หรือจะเป็นแสงจากหน้าจอสมาร์ทโฟน-จอคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสงทั้งหมดนี้สามารถที่จะกระตุ้นเซลล์เม็ดสีในชั้นผิวหนังได้ แล้วยิ่งถ้าคุณมีฝ้าอ่อน ๆ อยู่แล้ว เมื่อเจอแสงเหล่านี้บ่อยครั้ง ก็จะทำให้ฝ้านั้นมีความเข้มขึ้นและลึกขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการรักษาก็จะต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นด้วยเช่นกัน

ลักษณะของฝ้าแดดเป็นอย่างไร เกิดขึ้นเฉพาะผู้หญิงหรือไม่ ?

เมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุของการเกิดฝ้าแล้วว่านอกจากแสงแดดแล้วยังมีปัจจัยอะไรอีกบ้าง เราต้องรู้ว่าลักษณะของฝ้าชนิดนี้เป็นอย่างไร ใครที่กำลังมีปัญหาผิวเสียจากรังสี UV หรือผิวหน้าไม่เรียบเนียน ต้องลองสังเกตอาการตัวเองว่าลักษณะของอาการนั้นใช่ฝ้าหรือไม่

ลักษณะอาการของฝ้าแดด จะเป็นปื้นฝ้าสีออกน้ำตาลอ่อน ๆ หรือแดง หรือเทาอ่อน ๆ รวมไปถึงสีดำหากมีอาการรุนแรง

ซึ่งลักษณะของสีที่เข้มขึ้น จะเกิดจากการโดนเผาไหม้หรือผิวโดนทำลายในชั้นผิวลึกและเป็นระยะเวลานาน โดยไม่ได้ผ่านการดูแลหรือป้องกันผิว และยิ่งถ้าคุณละเลยอาการเหล่านี้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นและใช้ระยะเวลาในการรักษานานขึ้น หากคุณเริ่มสังเกตว่าบนผิวหน้าตัวเองมีปื้นฝ้าอ่อน ๆ ต้องรีบรักษา บำรุง และดูแลอย่างต่อเนื่องทันที

ฝ้าแดดนั้นเกิดขึ้นมาจากการสร้างเม็ดสีเมลานินในชั้นของผิวหนังซึ่งอยู่ในระดับชั้นกำพร้า โดยจะมีลักษณะเป็นสีเข้มและเห็นขอบของฝ้าได้ชัดเจน โดยลักษณะอาการแบบนี้สามารถรักษาได้ง่ายและเร็วกว่าฝ้าแบบลึก ซึ่งจะอยู่ในชั้นผิวที่ลึกกว่า โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะพบในผู้ที่อายุช่วง 40 ปีขึ้นไป แล้วสามารถพบได้ทั้งเพศชายและเพศหญิงเลย

เราสามารถที่จะป้องกันหรือชะลอการเกิดฝ้าชนิดนี้ได้ด้วยการปกป้องผิวจากปัจจัยที่มีความเสี่ยงทำให้เกิดฝ้าชนิดนี้ขึ้น เช่น หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นระยะเวลานาน ๆ ทาครีมป้องกันปกป้องผิวอยู่เสมอ และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว ก็จะช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ

ภัยร้ายจากรังสี UV ส่งผลกระทบต่อผิวโดยตรงทำให้เป็น ฝ้าแดด

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ฝ้าแดด มีปัจจัยหลักมาจากความร้อนและรังสี UV ที่เป็นภัยเงียบที่มีพลังทำลายล้างสูง ยิ่งในช่วงนี้มีแดดจัด ก่อนที่จะออกจากบ้านก็อย่าลืมปกป้องผิวที่คุณรักด้วยการทาครีมกันแดด และสวมหมวก รวมถึงกางร่ม เมื่อมีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กลางแจ้งก็จะลดการทำลายผิวโดยตรงได้

ยิ่งถ้าคุณเริ่มมีฝ้าและกำลังมองหาวิธีการรักษาอยู่ ยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ มิฉะนั้นความพยายามที่คุณกำลังใช้กับการรักษาฝ้าชนิดนี้ก็จะไม่เป็นผลอย่างแน่นอน

เรามาลองทำความรู้จักกันว่า รังสี UV คืออะไร รังสี UV สามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งได้ว่า รังสีอัลตราไวโอเลต โดยนักวิทยาศาสตร์ไทยจะเรียกว่า รังสีเหนือม่วง มีลักษณะเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อยู่ระหว่าง 100 ถึง 400 นาโนเมตร เป็นความถี่ที่สูงกว่าคลื่นที่มนุษย์เราจะมองเห็นได้ เจ้ารังสี UV สามารถที่จะทะลุเข้าไปทำร้ายเซลล์ผิวหนังได้จนถึงผิวหนังชั้นใน ซึ่งเป็นผิวหนังที่มีคอลลาเจน ก็จะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย รวมถึงยังทำให้ผิวหนังแห้งกร้าน เหี่ยวย่น ก่อนวัยอันควรด้วย ที่สำคัญจะทำให้สีผิวเปลี่ยนได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

ถ้าคุณไม่อยากกังวลเรื่องผิวหน้าเป็นฝ้า ก็ต้องเริ่มต้นใส่ใจ เพราะการมีผิวหน้าเนียนใสนอกจากจะเป็นบุคลิกภาพที่ดีแล้ว ยังจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะทำอะไร หรือออกงานสังคมก็มั่นใจไปทุกด้านเลยค่ะ

วิธีป้องกันการเกิด และลดอัตราความเสียหายของผิวจาก ฝ้าแดด

สำหรับคำถามที่ว่า ฝ้าแดด สามารถป้องกันได้อย่างไร เชื่อว่าหลายคนกำลังสงสัย แล้วมองหาวิธีการรักษา หรือมองหาวิธีการป้องกันที่จะลดอัตราความเสียหายของผิวที่เกิดจากการโดนแสงรังสี UV อย่างหนัก วันนี้เรามีวิธีการป้องกันการเกิดรวมถึงลดอัตราความเสียหายของผิว ที่เกิดจากการโดนแสงแดดเป็นระยะเวลานานมาแนะนำ เพราะคงไม่มีใครอยากเป็นฝ้าไปนาน ๆ

ซึ่งถ้าหากคุณกำลังมีปัญหาเรื่องนี้ ก็ควรที่จะต้องเริ่มต้นดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ แม้ว่าฝ้าจะเกิดขึ้นแล้ว แต่ถ้าเราป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำหรืออาการของฝ้าหนักขึ้น โอกาสที่จะบำรุงรักษาให้ดีขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน เราลองไปดูกันเลยว่าแนวทางการป้องกันสามารถทำอย่างไรได้บ้าง

  • ปรับรูปแบบการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงการอยู่หน้าจอโทรศัพท์มือถือเป็นระยะเวลานานๆ หรือใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันกว่า 8 ชั่วโมง เพราะแสงจากหน้าจอเหล่านี้ก็มีส่วนช่วยทำให้ผิวหนังถูกทำลาย และเกิดฝ้าได้ ให้พักทุก ๆ 2 ชั่วโมง ก็จะเป็นผลดีกับผิวหน้า และยังเป็นผลดีกับสายตาอีกด้วย
  • เมื่อเป็นฝ้าแล้ว ก็ต้องหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดหรือกลางแจ้งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเผาไหม้หรือทำลายชั้นผิว จากรังสีอัลตราไวโอเลต ที่จะทำให้คุณเปลี่ยนสีผิวได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
  • ทาครีมกันแดดทั้งผิวกายและผิวหน้าทุกครั้งก่อนออกแดด และเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง เพื่อช่วยบรรเทาอาการเผชิญกับรังสี UV โดยตรง และช่วยยับยั้งพลังทำลายล้างของรังสีชนิดนี้
  • สร้างความแข็งแรงให้ผิวอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการทาครีมบำรุง ทุกเช้าและก่อนนอน เพื่อให้ผิวได้มีการพักผ่อน ฟื้นฟู
  • ถ้าไม่อยาก ผิวเสียจากรังสี UV ต้องใส่ใจดูแลผิวกายและผิวหน้า แล้วหมั่นสังเกตผิวอยู่เสมอ ว่ามีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อที่เราจะได้ดูแลรักษาได้อย่างทันเวลา ยิ่งถ้ารักษาได้เร็ว โอกาสที่จุดด่างดำหรือฝ้าเหล่านั้นจะหายก็ไม่ใช่เรื่องยาก

เคล็ดไม่ลับการรักษาฝ้าแดด ให้จางลงแบบธรรมชาติ กู้ผิวหน้ากลับมาเนียนใส

เคยหรือไม่ ? ส่องกระจกแล้วไม่พอใจในผิวหน้าของตัวเอง บอกเลยว่า ถ้าอยากมีผิวสวย…ไม่ใช่เรื่องยาก และไม่ว่าใครก็มีผิวที่สุขภาพดีได้ ซึ่งก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าปัญหาของฝ้า นับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสาว ๆ ที่รักสวยรักงาม หรือแทบจะเป็นปัญหาของทุกคน เพราะว่าเกิดขึ้นบนผิวหน้าเสียเป็นส่วนใหญ่ แล้วคงไม่มีใครที่อยากให้ใบหน้าของตัวเองต้องมีรอยฝ้าหนา ๆ ให้คนอื่นได้เห็นใช่หรือไม่ ?

และถ้าจะถามว่า ฝ้าแดดรักษาหายหรือไม่ ก็ต้องบอกเลยว่า “ฝ้าชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้” แล้วมีวิธีการรักษาหลากหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการรักษาจากนวัตกรรมที่ทันสมัย ผ่านคลินิกเสริมความงาม ทั้งการทำทรีทเม้นท์ สปา สครับผิว รวมไปถึงการเลเซอร์ ก็ช่วยลดอาการฝ้าชนิดนี้ได้ แต่ถ้าคุณอยากที่จะบำบัดผิวเสียจากรังสี UV ด้วยวิธีการรักษาแบบธรรมชาติก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน ซึ่งวิธีการรักษาแบบนี้นอกจากจะสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านแล้ว ยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย เราลองมาดูกันว่า วิธีรักษาด้วยตัวเองง่าย ๆ ให้หายทำได้อย่างไรบ้าง

  • รักษาด้วยการกินวิตามิน เนื่องจากรังสี UV ได้ทำลายเซลล์ผิว และทำลายวิตามินที่อยู่บนผิวหนังของเรา วิธีการกินวิตามินเสริมบำรุงผิว ก็จะช่วยให้ผิวของเรามีความแข็งแรงและยังช่วยลดการเกิดฝ้าใหม่ได้อีกด้วย
  • สูตรน้ำส้มสายชูหมักกับแอปเปิ้ล เป็นสูตรการรักษาฝ้าแบบธรรมชาติ เนื่องจากมีสรรพคุณที่มีฤทธิ์เป็นกรดและมีโพแทสเซียมสูง ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่เสียและตายออกได้
  • น้ำใบบัวบก เพียงแค่นำน้ำใบบัวบกมาเช็ดและทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ก็จะช่วยผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่เป็นฝ้า รวมถึงสามารถทำให้ฝ้าดูจางลงภายในระยะเวลาอันรวดเร็วด้วย ที่สำคัญยังทำให้ผิวหน้ามีความชุ่มชื้นมากขึ้นอีกด้วย
  • ทาครีมบำรุงผิว ที่มีส่วนผสมของวิตามินและมีสาร whitening จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และบริเวณที่เป็นฝ้าก็จะอ่อนลงจนหายไปในที่สุด แต่ควรหลีกเลี่ยงครีมบำรุงผิวที่มีสารเคมีสูง เพราะจะยิ่งทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน และกลายเป็นสิวขึ้นได้
  • หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอางที่ผสมสารเคมี เพราะจะทำให้กระตุ้นการเผาไหม้ของเม็ดสีผิวได้ และอาการฝ้าที่มีอยู่ก็จะรุนแรงขึ้นด้วย ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน ในช่วงที่กำลังรักษาจะเป็นผลดีกับการรักษามากที่สุด

เมื่อรู้ทั้งสาเหตุการเกิดฝ้าแดด รวมไปถึงวิธีการรักษาแล้ว ก็อย่าลืมนำไปใช้เพื่อดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ

Mana Collagen 1 แถม 1
ผิวขาวกระจ่างใส ลดสิว กระ ฝ้าแดด แก้ริ้วรอย ผิวเนียนนุ่ม ลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยคุณสมบัติโมเลกุลขนาดเล็กระดับนาโนทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไวภายใน 7-14 วัน

คอลลาเจนไดเปปไทด์ Asahi ลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น ดูดซึมได้ไวกว่าคอลลาเจนทั่วไป 55 เท่า