จุดด่างดำบนใบหน้า ภาวะที่ผิวหนังบางจุดมีสีเข้มขึ้นกว่าปกติ บางจุดเล็ก บางจุดใหญ่ สลับกันไปในบางจุดของใบหน้า มักเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่รู้อีกทีก็มีจุดด่างดำเสียแล้ว! ทำให้ผู้ที่มีจุดด่างดำไม่กล้าที่จะเผยผิวจริงอย่างมั่นใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ยากที่จะปกปิดได้มิด

ด้วยความที่จุดด่างดำบนใบหน้าเป็นปัญหาผิวที่มองเห็นได้ชัด หลายคนจึงอยากรีบรักษาให้จางลงไวที่สุด แต่ปัญหานี้อาจต้องใช้ความอดทนนานกว่าปัญหาผิวลักษณะอื่น แต่ก็ยังมีหนทางรักษาอยู่บ้าง หากลุกมาดูแลตัวเองให้ทันในวันนี้

สำหรับวิธีรับมือกับจุดด่างดำบนใบหน้าควรทำอย่างไร เรามีคำตอบมาฝากกัน!

ทำความรู้จักกับ 'จุดด่างดำ' ศัตรูคู่ผิวหน้า

จุดด่างดำ คือ ภาวะไฮเปอร์พิกเมนเทชั่น (Hyperpigmentation) อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ได้ว่าเป็นภาวะที่ผิวหนังบางจุดมีสีเข้มขึ้นกว่าปกติ หรือมีจุดด่างดำปรากฎขึ้นบนใบหน้า หรือบนตำแหน่งตามร่างกาย เนื่องจากร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากเกินไปในบางตำแหน่งของผิวหนัง โดยแบ่งจุดด่างดำออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

  • ฝ้า (Melasma)
    เกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์ที่อยู่ในหนังกำพร้าชั้นล่างสุดของผิวหนัง ผลิตเมลานินหรือเม็ดสีออกมามากเกินจำเป็นจนแสดงออกบนหนังชั้นกำพร้า จึงเกิดเป็นรอยปื้นสีน้ำตาลที่เห็นได้ชัดเจน กระจายเป็นวงกว้างในบางจุดของใบหน้า (ไม่สามารถกำหนดขอบเขตชัดเจนได้) ซึ่งมีตัวกระตุ้นให้เกิดปัญหาผิวฝ้าอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน เช่น แสงแดด ฮอร์โมนภายในร่างกาย หรือการตั้งครรภ์ เนื่องจากพบมากในผู้หญิงตั้งครรภ์ถึง 90% เลยทีเดียว โดยเราสามารถแบ่งฝ้าออกได้อีก 4 ประเภท คือ

    1. ฝ้าเลือด (Vascular melasma) ฝ้าเลือดนั้นเกิดจากความผิดปกติของเส้นเลือดฝอยบนผิวหน้ามีการขยายตัว อาจเป็นผลมาจากเครื่องสำอาง สารเสตียรอยด์ หรือจากแสงแดด โดยลักษณะของฝ้าจะมีสีน้ำตาลแดง ซึ่งผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะนี้มากกว่าผู้ชายถึง 80% จัดเป็นฝ้าที่รักษาได้ยากที่สุด
    2. ฝ้าตื้น (Epidermal type) ฝ้าตื้นนั้นจะมีสีน้ำตาลเข้มถึงเทาดำ ฝ้าชนิดนี้สามารถมองเห็นได้ง่ายมีการกระจายตัวที่ชัดเจนเกิดที่ชั้นบนสุดของผิวหนังหรือก็คือ ผิวชั้นหนังกำพร้า
    3. ฝ้าลึก (Dermal type) ปัญหาฝ้าลึกพบได้ในชั้นผิวหนังแท้ถัดจากผิวชั้นหนังกำพร้า และมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลอ่อน เทา เทาอมน้ำเงิน สามารถกระจายตัวเป็นบริเวณกว้างและกลมกลืนไปกับสีผิวตามธรรมชาติของใบหน้า
    4. ฝ้าแดด (Sunburn) จัดเป็นฝ้าที่พบได้มากที่สุด เกิดจากเม็ดสีเมลานิน (Melanin pigment) ผลิตมากเกินไป โดยเจ้าเม็ดสีเมลานินนั้นมีหน้าที่กรองรังสียูวี หลักการทำงานก็คือเมื่อผิวโดนแสงแดด เมลานินก็จะถูกผลิตขึ้นมา เพราะฉะนั้นยิ่งเราโดนแดดมากเท่าไรเม็ดสีเมลานินก็จะมีการสร้างมากขึ้นตามไปด้วย โดยรังสีที่มีผลต่อการเกิดฝ้าคือ “รังสี UVA” ซึ่งรังสียูวีเอจะมีช่วงคลื่นที่ยาวจึงสามารถทำลายผิวได้ลึก นี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อตากแดดนาน ๆ แล้วผิวถึงคล้ำเสียได้
  • กระ (Freckle)
    ปัญหาผิวกระ มีลักษณะการเกิดคล้ายกับปัญหาผิวฝ้า เพราะเม็ดสีเมลานินทำงานผิดปกติ ทำให้พบจุดสีน้ำตาลหรือดำกระจายอยู่ตามใบหน้า ลำคอ หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ปะทะกับแสงแดดบ่อย ๆ หรือเป็นเวลานาน และอาจมีสีเข้มขึ้น กระจายเป็นพื้นที่ใหญ่ขึ้น เมื่อถูกกระตุ้นจากความร้อนของแสงแดด โดยเราสามารถแบ่งกระได้อีก 4 ประเภทคือกระตื้น กระแดด กระเนื้อ และกระลึก ซึ่งอาจพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

ไขคำตอบ สาเหตุของจุดด่างดำเกิดจากอะไร ?

อย่างที่บอกว่าสาเหตุของการเกิดรอยดำนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นเพราะแดดที่แสนร้อนพร้อมแผดเผาของประเทศไทย หรือเพราะร่างกายได้รับบาดเจ็บจากแผลอักเสบ แผลมีดบาด แผลไฟไหม้ สิว ผื่นแดง หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่เข้ามารบกวนผิว ก็อาจทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้เช่นกัน เพื่อให้เห็นภาพได้ชัดขึ้น วันนี้เราจะเจาะลึกออกเป็นทีละข้อให้รู้กันไปเลย!

  1. แสงแดด
    ศัตรูตัวร้ายหมายเลขหนึ่งที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ เนื่องจากความร้อนและรังสียูวีของแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้ผลิตเม็ดสีเมลานินในเม็ดผิวได้โดยตรง จะเห็นได้ว่าเมื่อเราตากแดดผิวจะคล้ำขึ้น เนื่องจากร่างกายผลิตเมลานินเพิ่มขึ้นมากกว่าปกตินั่นเอง เมื่อเราปะทะแสงแดดมากเกินไป อาจทำให้เกิดเป็นจุดด่างดำ ฝ้า กระ ส่งผลให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่กระจ่างใสในที่สุด
  2. อายุที่มากขึ้น
    เมื่ออายุมากขึ้น จุดด่างดำจะเกิดง่ายขึ้นตามไปด้วย โดยเฉพาะคนในวัย 40 ปีขึ้นไป เพราะต้องเจอแสงแดดสะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้ร่างกายเร่งผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้นซึ่งเป็นสาเหตุของจุดด่างดำ
  3. ตั้งครรภ์และฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง
    ร่างกายสามารถเกิดจุดด่างดำได้จากการตั้งครรภ์ เนื่องจากในตอนที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะไม่อยู่ในภาวะสมดุล หรือกล่าวได้อีกแบบหนึ่งว่าฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลง จนไปกระตุ้นการผลิตเมลานินให้มากขึ้น ทำให้เกิดจุดด่างดำ หรือที่เรียกกันว่า หน้ากากแห่งการตั้งครรภ์ นั่นเอง
  4. สิว สเตียรอยด์ และแผลอักเสบของผิว
    สำหรับใครที่มีจุดด่างดำบนใบหน้า เนื่องจากในผิวมีการผลิตเม็ดสีเมลานินมากไป ทำให้เผลอไปใช้ยาที่มีส่วนผสมของสารสเตียรอยด์ ไม่ว่าจะเป็นทางการกิน การฉีด หรือการสูดดม ส่งผลให้อาจเกิดสิวได้ เมื่อเป็นสิวแล้วแกะเกา ก็เป็นอีกสาเหตุที่นำไปสู่การเกิดรอยด่างดำได้เช่นกัน
  5. โรคสะเก็ดเงิน
    คนที่มีอาการผิวหนังอักเสบ คัน และรู้สึกแสบร้อนจากโรคสะเก็ดเงิน ถ้าเผลอไปแกะเกาบริเวณนั้นจนสะเก็ดหลุดออก อาจทิ้งรอยจุดด่างดำหรืออาจเกิดแผลเป็นได้
  6. ผลข้างเคียงจากการรักษาทางการแพทย์
    แม้ว่าจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่ก็มีส่วนทำให้เกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ โดยเฉพาะในผู้ที่กำลังรักษาด้วยวิธีฮอร์โมนบำบัด การให้ยาเคมีบำบัด และการใช้ยาประเภทอื่น ๆ เช่น ยาคุมกำเนิด คนที่มีโรคประจำตัว คนที่ขาดวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงการทำเลเซอร์หน้า ที่อาจเกิดผลข้างเคียงขึ้นในภายหลัง

วิธีรักษาและการดูแลผิว

  • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ประมาณ 30-50 PA+++ ก่อนออกจากบ้านประมาณ 45 นาที จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันแสงแดดได้ดียิ่งขึ้น
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินซีและผักผลไม้ต่าง ๆ เพื่อช่วยในการขับถ่าย ล้างสารพิษในร่างกาย ฝ้า กระ จะค่อย ๆ จางลง
  • รับประทานคอลลาเจน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการซ่อมแซมผิว เพราะคอลลาเจนเป็นส่วนประกอบของผิวหนังถึง 80%

เมื่อมีปัญหาผิวจุดด่างดำบนใบหน้า ฝ้า กระ ต้องมีวินัยและใช้ความอดทนรักษาผิวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผิวซ่อมแซมตัวเองอย่างเต็มที่ และช่วยให้จุดด่างดำกลับมาได้ยากขึ้นอีกด้วย

สำหรับใครที่กำลังเริ่มดูแลผิว เราขอแนะนำให้ดูแลอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป แต่มาเน้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ และมีวินัยกับตัวเองจะเห็นผลดีที่สุด แม้ต้องใช้เวลาสักนิดแต่ผิวของเราจะแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาวอย่างแน่นอน

Mana Collagen 1 แถม 1
ผิวขาวกระจ่างใส ลดสิว แก้ริ้วรอย ผิวเนียนนุ่ม ลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยคุณสมบัติโมเลกุลขนาดเล็กระดับนาโนทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไวภายใน 7-14 วัน

คอลลาเจนไดเปปไทด์ Asahi ลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น ดูดซึมได้ไวกว่าคอลลาเจนทั่วไป 55 เท่า