เคยไหมที่ต้องมานั่งหงุดหงิดกับปัญหา “รอยแผลเป็นจากสิว” ไม่ว่าจะเป็น แผลหลุมสิว หรือ ผิวหนังขรุขระ รวมไปถึงไตแข็ง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหาย

ถ้าคุณเคยเจอปัญหาเหล่านี้ บอกเลยว่า ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่คุณจะหลีกหนีให้พ้นจากปัญหากวนใจเรื่องสิว ๆ เพราะจริง ๆ แล้ว “วิธีการรักษาสิว” รวมไปถึง “วิธีการรักษารอยแผลเป็น” หลังจากสิวหาย มีอยู่หลากหลายวิธีด้วยกัน ทั้งแนวทางการรักษาที่ทันสมัยอย่าง การเลเซอร์ หรือจะเป็น การใช้สูตรบำรุงผิวแบบธรรมชาติ ก็มีอยู่หลากหลายสูตรที่ประหยัดทั้งค่าใช้จ่าย และเห็นผลได้จริง

หากคุณกำลังสงสัยว่า ปัญหารอยแผลหลังสิวหายจะแก้ไขได้อย่างไร บอกเลยว่าต้องไม่พลาดที่จะเข้ามาอ่านบทความของเราในวันนี้ เพราะเราจะพาคนมาทำความรู้จักกับ วิธีการลดรอยแผลเป็น ให้ดูจางลงภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน และทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นจากผิวหน้าที่เนียนใสไร้รอยสิวนั่นเอง

มาทำความรู้จักกับลักษณะของ รอยแผลเป็นจากสิว กันเถอะ

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีการรักษา รอยแผลเป็นจากสิว เราจะต้องรู้ก่อนว่ารอยแผลจากสิวมีกี่แบบ และแต่ละแบบแต่ละชนิดมีลักษณะอย่างไร

ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณมาเริ่มต้นทำความรู้จักกับ ชนิดของรอยแผลเป็น ที่เกิดจากการเกิดสิวอักเสบหรือการอุดตันในรูขุมขน

ซึ่งโดยปกติแล้วเมื่อร่างกายของเราได้รับบาดเจ็บหรือผิวหนังของเรามีอาการแพ้รวมไปถึงอักเสบ สิ่งที่จะช่วยทำให้แผลเหล่านั้นประสานกันได้อย่างรวดเร็ว ก็คือการเสริมสร้าง คอลลาเจน ใหม่ ๆ ที่แข็งแรงใต้ชั้นผิว รวมไปถึงการบำรุงผิวชั้นใน ให้แข็งแรงสู่ผิวชั้นนอกนั่นเอง

เรามาดูกันว่า รอยแผลเป็นจากสิวมีกี่แบบ และแต่ละแบบมีลักษณะความรุนแรงของแผล รวมไปถึงอัตราในการรักษาที่ใช้ระยะเวลาแตกต่างกันอย่างไร

  • ลักษณะรอยแผลแบบหลุมสิว ซึ่งหลายคนไม่รู้ว่า หลุมสิวมีลักษณะอย่างไร ซึ่งก็คือรอยแผลที่พบได้บ่อย โดยจะเกิดจาก คอลลาเจน ในชั้นผิวหนังถูกทำลาย ทำให้เกิดเป็นหลุมสิว และเกิดการอุดตันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น หมายความว่าแผลเป็นที่มีลักษณะเป็นหลุม จะมีโอกาสเกิดสิวอักเสบขึ้นได้อีกบ่อยครั้ง
  • ลักษณะรอยแผลแบบเนื้อนูน ที่มีการนูนขึ้นมาจากผิวหนัง ซึ่งอาการ แผลเป็นแบบนูนเกิดจากอะไร ก็ต้องตอบว่า เกิดจากชั้นผิวหนังจะผลิตเนื้อเยื่อขึ้นภายในบาดแผลหรือการอักเสบของสิว แต่เนื้อเยื่อนั้นไม่มีโครงสร้างเช่นเดียวกับเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดี ทำให้ผิวหนังดูไม่เรียบเนียนนั่นเอง
  • ลักษณะหลุมสิวแบบคลื่น จะมีขนาดที่กว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร ก้นหลุมสิวจะตื้น เมื่อสัมผัสจะรู้สึกได้ว่าผิวหนังยุบตัวลง ไม่เสมอกันลักษณะให้ความรู้สึกคล้ายคลื่นนั่นเอง
  • ลักษณะหลุมสิวแบบกล่อง พบมากหลังเกิดสิวอุดตัน สิวหัวแข็ง เมื่อบีบสิวออกมาแล้วรอยแผลจะมีลักษณะก้นลึกมอบเห็นภายในชัดเจน รอยแผลชนิดนี้จะมีขนาดกว้าง และสิ่งสกปรกลงไปได้ง่ายมากขึ้น ทำให้มีโอกาสกลับมาเป็นสิวได้อีกครั้งนั่นเอง

ปัญหา รอยแผลเป็นจากสิว เกิดจากอะไร

หลายคนปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องพบเจอกับปัญหาสิวอักเสบ สิวผด หรือสิวนานาชนิดที่ขึ้นบริเวณใบหน้า ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญ เพราะการใช้ชีวิตออกนอกบ้าน หลายคนก็อยากดูดี จึงต้องคอยแต่งหน้าและใช้เครื่องสำอางกลบรอยสิว แต่รู้หรือไม่ว่าการใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมี กดทับบริเวณรอยสิวที่กำลังอักเสบอยู่ ทำให้สิวได้รับสารเคมีสะสมเพิ่มมากขึ้น จากที่จะค่อย ๆ ยุบตัวลง ก็จะมีการอักเสบมากขึ้น จนเราอดไม่ได้ที่จะบีบหัวสิวออกมาจนทำให้เกิดเป็นแผลหลุมสิวนั่นเอง

นอกจากนี้ปัจจัยที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็นหลังจากสิวหาย ก็ยังมีอีกหลากหลายปัจจัยด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • การบีบสิวหรือแกะสิว เนื่องจากมือของเราต้องสัมผัสกับสิ่งสกปรกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นในอากาศ การหยิบจับสิ่งของที่มีฝุ่น และเมื่อมาบีบสิว สิ่งสกปรกเหล่านั้นก็จะติดอยู่กับสิวที่กำลังอักเสบอยู่ ที่สำคัญยังเป็นการใช้ความรุนแรงทำลายเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ สิวอีกด้วย
  • สิวอักเสบรุนแรง ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสิวที่เกิดการอักเสบจากสารเคมี ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เป็นรอยแผลเป็นในลักษณะต่าง ๆ ยกตัวอย่างผิวหนังเป็นหลุมสิวมากยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าหลังจากสิวหายแล้วจะต้องมีรอยแผลเป็น
  • ความสะอาดของการดูแลรักษาสิว เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้หลังจากสิวหายแล้วเกิดอาการอักเสบ ดังนั้นคนที่กำลังเกิดสิวอักเสบบนใบหน้า แนะนำว่าจะต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง เพื่อลดคราบสิ่งสกปรกที่จะก่อการอักเสบเพิ่มเติม

รู้หรือไม่ว่า รอยแผลเป็นจากสิว มีวิธีแก้ไขได้จริง

ปัญหารอยแผลเป็นจากสิวสามารถแก้ไขได้จริงหรือไม่ ? เป็นคำถามที่สาว ๆ หลายคนตั้งขึ้น เมื่อตัวเองรู้สึกท้อกับการรักษารอยแผลเป็นเหล่านั้น แต่จริง ๆ แล้วต้องบอกเลยว่า การรักษารอยแผลเป็นจากสิวไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเรารู้จักวิธีการรักษาที่ตรงจุด แล้วเหมาะกับรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นนั่นเอง

ดังนั้นเราจึงแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ ลักษณะของรอยแผลเป็นแต่ละชนิด ที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหาย อย่างที่ได้อธิบายไปแล้วข้างต้น แล้วเมื่อเข้าใจแล้วว่าปัญหารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวของตัวเองมีลักษณะแบบไหน ก็สามารถที่จะมองหาวิธีการรักษาได้อย่างตรงจุดแน่นอน

แต่ถ้าจะให้ดี เราควรตั้งคำถามกับตัวเองว่า วิธีรักษาสิวไม่ให้เป็นแผลทำอย่างไร เพื่อที่จะไม่ให้ต้องมารักษารอยแผลเป็นที่หลัง แล้วยังเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับชั้นผิวอีกด้วย ซึ่งวิธีการรักษาไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นก็คือ การลดอาการอักเสบของสิว ด้วยการหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีสารเคมี หรือการเผชิญหน้ากับฝุ่นละอองโดยตรง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อกลับถึงบ้านก็ควรที่จะรีบล้างทำความสะอาด เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกที่จะก่อให้เกิดการอักเสบเพิ่มเติมจากสิวเดิมที่มีอยู่ ที่สำคัญจะต้องไม่บีบหรือแกะสิ่งที่กำลังอักเสบอยู่ เพียงเท่านี้ก็สามารถที่จะลดรอยแผลเป็นที่อาจเกิดขึ้นหลังจากสิวหายได้แล้ว

แจกเคล็ดลับสูตรธรรมชาติ รักษา รอยแผลเป็นจากสิว ด้วยสมุนไพร

คนที่ผิวแพ้ง่าย หรือไม่อยากเจ็บตัวจาก การเลเซอร์ลบรอยแผลเป็นจากสิว เราขอแนะนำเคล็ดลับการใช้สูตรมาสก์หน้าแบบธรรมชาติ โดยการใช้สมุนไพรที่อยู่ใกล้ตัว หาได้ง่าย ๆ และมีสรรพคุณช่วยลดรอยสิว รอยแผลเป็น รวมถึงยังช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าให้ดูขาวเนียนกระจ่างใสขึ้นได้

ที่สำคัญการใช้สมุนไพรธรรมชาติในการรักษารอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวนั้น ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อยเลย เราลองไปดูกันว่าสูตรที่จะช่วยให้รอยสิวหรือรอยแผลเป็นที่เกิดจากการอักเสบของสิวนั้นจางลงได้มีสูตรอะไรบ้าง

  • มาสก์หน้าด้วยมะขามเปียกน้ำผึ้งและนมสด วิธียอดนิยมที่หลายคนเลือกใช้กันมาเป็นระยะเวลายาวนาน มะขามเปียกจะช่วยสครับและผลัดเซลล์ผิวให้ดูกระจ่างใส เนื่องจากมีกรดที่เข้มข้นจึงทำให้เซลล์ผิวที่เข้มอ่อนลง น้ำผึ้งและนมสดจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับรอยแผลอีกด้วย
  • มาสก์หน้าด้วยว่านหางจระเข้ ผสมกับน้ำมะนาว อย่างที่เรารู้กันดีว่าว่านหางจระเข้เป็นสมุนไพรที่ช่วยต้านการอักเสบของผิว ลดอาการแสบร้อนจากแสงแดด ทำให้ผิวหน้าดูเนียนใส และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ เมื่อรวมกับน้ำมะนาวที่มีกรดตามธรรมชาติ จะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน
  • มาสก์หน้าด้วยมะเขือเทศผสมโยเกิร์ตและข้าวโอ๊ต ดูจะเป็นสูตรที่น่าอร่อย แต่นอกจากอร่อยแล้วยังสามารถที่จะบำรุงผิวพรรณได้ด้วย เพราะส่วนผสมทั้งหมดมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของผิว และทำให้จุดด่างดำหรือรอยแผลเป็นจากสิวดูจางลง
  • มาสก์หน้าด้วยดินสอพองผสมน้ำผึ้ง และหัวไชเท้า ซึ่งหัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ สารไกลโคไซด์ และวิตามินเอ ช่วยลดรอยแผลเป็นหลังจากสิวหายลงได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญสิวที่มีอาการอักเสบอยู่ สูตรนี้จะช่วยให้ยับยั้งการอักเสบได้ภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นกัน รับรองว่าใช้สูตรนี้ 3 ครั้ง สิวยุบ รอยแผลเป็นจางลงอย่างแน่นอน
  • มาสก์หน้าด้วยสับปะรดผสมน้ำผึ้ง หลายคนอาจไม่เคยได้ยินว่าสับปะรดจะช่วยลดรอยสิวได้ จริง ๆ ต้องบอกเลยว่าในสับปะรดมีกรด AHA ที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไปได้ดีที่สุด จึงทำให้รอยแผลเป็นหรือจุดด่างดำจางลงได้ ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยจำกัดขจัดความมันส่วนเกินในชั้นผิวหนังได้อีกด้วย และเป็นสูตรที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

อยากมีผิวหน้าสวยใส ไร้ รอยแผลเป็นจากสิว ต้องเลือกที่จะป้องกันก่อนแก้ไข

สำหรับปัญหาแผลหลุมสิวสุดกวนใจ ที่หลายคนต้องมานั่งกังวลว่า รอยแผลลักษณะต่าง ๆ ที่จากสิวใช้เวลากี่วันหาย แล้วจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ บอกเลยว่า ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตประจำวันของเรา เพราะสิวเกิดจากปัจจัยหลายด้านในการใช้ชีวิต ทั้ง ปัจจัยภายใน ก็คือระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานผิดปกติหรือไม่ หรือมีฮอร์โมนบางอย่างผิดปกติ รวมไปถึงความเครียด การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอก็อาจทำให้เกิดสิวได้ มากไปกว่านั้น ปัจจัยภายนอก อย่างเช่น สภาพอากาศ แล้วก็ ฝุ่นละออง ก็ทำให้เกิดสิวอักเสบได้เช่นเดียวกัน

ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รอยแผลเป็นจากสิวอาจจะเกิดขึ้นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าคุณไม่อยากให้เกิด ก็จะต้องดูแลรักษาผิว และปกป้องผิวให้ดีที่สุด ด้วยการรักษาความสะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์รักษาความสะอาดที่ไม่มีสารเคมี ทำความสะอาดได้ลึกถึงชั้นรูขุมขน เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นละอองและสารเคมีตกค้างจนก่อให้เกิดสิวอักเสบ รวมไปถึง ทาครีมกันแดด ที่ช่วยป้องกันรังสี UV ก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเผาไหม้ของหน้าชั้นผิวหนัง ก็จะช่วยให้คุณสามารถปกป้องผิวของคุณได้ในระดับหนึ่ง และสุดท้าย ควรที่จะบำรุงผิวหน้าก่อนนอน ด้วยการทาครีมบำรุง เพื่อให้ผิวหน้าได้มีการผ่อนคลายหรือซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้ผิวมีความแข็งแรงอยู่สม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ปัญหารอยแผลเป็นจากสิวก็จะไม่มากวนใจอีกต่อไป

Mana Collagen 1 แถม 1
ผิวขาวกระจ่างใส ลดสิว แก้ริ้วรอย ผิวเนียนนุ่ม ลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ด้วยคุณสมบัติโมเลกุลขนาดเล็กระดับนาโนทำให้เห็นผลลัพธ์ได้ไวภายใน 7-14 วัน

คอลลาเจนไดเปปไทด์ Asahi ลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น ดูดซึมได้ไวกว่าคอลลาเจนทั่วไป 55 เท่า