เผยเคล็ดลับ คอลลาเจนกินตอนไหนดี ให้ผิวสวยใส ไร้ริ้วรอย

เพราะคอลลาเจนเป็นอะไรที่ตอบโจทย์คนรักผิวในยุคนี้มาก โดยเฉพาะคอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริม ที่เราสามารถทานได้อย่างสะดวกสบาย แถมพกพาง่าย เหมาะกับคนรักผิว และคนที่อาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอต่อวัน

สำหรับใครที่อยากเริ่มทานคอลลาเจน คงจะมีคำถามยอดฮิตผุดขึ้นในใจบ้างว่า เราควรกินคอลลาเจนตอนไหนดีที่สุด ร่างกายดูดซับดีที่สุด วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน !

สงสัยไหมว่าทำไมคนรักผิวจึงเลือกทานคอลลาเจน โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป นั่นเป็นเพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น คอลลาเจนในผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพลง เนื่องจากอัตราการสังเคราะห์คอลลาเจนใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้จะลดลงถึง 1.5% ทำให้ผิวพรรณค่อย ๆ สูญเสียความชุ่มชื้น ยุบตัว มีริ้วรอยเหี่ยวย่น และมีปัญหาผิวแก่ก่อนวัยตามมา

จากผลการวิจัยผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป คอลลาเจนในผิวจะเริ่มเสื่อมสภาพลง จึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะในการเริ่มรับประทานคอลลาเจนเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่สญเสียไป

คอลลาเจน เปรียบเสมือนกาวของชั้นผิวหนัง เพราะคอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังมากถึง 80% ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ภายในร่างกาย หรือเปรียบเสมือนกาวยื้ออายุผิวของคนที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะกับสาว ๆ เพราะมีโอกาสสูญเสียคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังมากกว่าผู้ชาย ซึ่งการทาครีมบำรุงผิวทั่วไปจะไม่มีผลโดยตรงต่อคอลลาเจนที่อยู่ลึกถึงใต้ผิวหนัง เราจึงจำเป็นต้องรับคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายด้วยการกินเป็นหลักนั่นเอง

หากพูดถึงประโยชน์ของคอลลาเจน จะบอกว่ามีมากมายก็คงไม่เกินจริง เพราะคอลลาเจนช่วยซ่อมแซมผิวตั้งแต่การลดความหยาบ เพิ่มความยืดหยุ่น ความชุ่มชื้น ความอิ่มฟู ช่วยให้ริ้วรอยที่เห็นได้ชัดดูจางลง รวมไปถึงชะลอการสลายของมวลกระดูก ลดการเปราะของเล็บ อีกทั้งยังบำรุงข้อต่อ ลดอาการปวดข้อต่อในกลุ่มผู้สูงอายุอีกด้วย

คำถามยอดฮิตของคนที่อยากกินคอลลาเจนตอนไหนดี ตอนไหนเห็นผลดีที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด นักโภชนาการส่วนใหญ่จึงให้แนะนำไว้ว่าควรทานตอน ‘ท้องว่าง’ จะเห็นผลชัดที่สุด ซึ่งไม่บังคับว่านะเป็นตอนเช้า กลางวัน เย็น หรือก่อนนอน ซึ่งจะทานตอนไหนก็ได้ เพียงแค่เป็นตอนท้องว่างแค่นั้น เพราะตอนที่เราท้องว่างหรือขณะที่ยังไม่ได้รับประทานอาหาร ระบบการทำงานของร่างกายจะดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ดังนั้นเวลาที่คนส่วนใหญ่นิยมทานคอลลาเจนมากที่สุดจึงเป็นช่วงเช้าและก่อนนอน เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายสงบนิ่งและดูดซึมได้ดีกว่าช่วงอื่น ๆ รวมถึงควรกินคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์จากการทานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นอกจากการเลือกเวลากินคอลลาเจนให้เหมาะสมแล้ว ยังมีทริคเล็ก ๆ ที่จะช่วยเสริมประสิทธิภาพคอลลาเจนให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้นอีกด้วย

1. ดื่มน้ำตามมาก ๆ เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด เพราะถ้าเราดื่มน้ำในปริมาณมาก (8 แก้ว/วัน) จะช่วยดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดี และมีประสิทธิภาพ เนื่องจากน้ำเป็นปัจจัยสำคัญของกระบวนการทำงานของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายของเราได้รับน้ำในปริมาณที่เพียงพออีกด้วย
2. กินคอลลาเจนในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป เพราะบางคนคาดหวังกับผลลัพธ์สูงเลยค่อนข้างใจร้อนในการกิน แม้ว่าการรับประทานคอลลาเจนเยอะจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่เรากินแต่พอดีจะดีที่สุด โดยอยู่ที่ประมาณ 5,000-7,000 มิลลิกรัม/วัน (ไม่ควรเกิน 10,000 มิลลิกรัม/วัน) ตามคำแนะนำขององค์การอาหารและยา
3. กินคอลลาเจนที่มีโมเลกุลเล็ก เพราะร่างกายจะดูดซึมได้ดีกว่า เข้มข้นกว่า เห็นผลลัพธ์ดีกว่าและสามารถนำไปใช้งานได้ทันทีแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการย่อยหรือการแตกตัว เมื่อกินประจำอย่างต่อเนื่อง จะช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งดูสุขภาพดียิ่งขึ้น

• เลือกยี่ห้อ / ดูแหล่งที่มาของสารอาหาร
  สิ่งสำคัญของการเลือกทานคอลลาเจน ต้องเลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองตามมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยสูงสุด และต้องดูแหล่งที่มาของสารอาหาร เช่น สารสกัดจากปลาทะเล ซึ่งเป็นสารสกัดที่ดีที่สุด แต่ถ้าใครแพ้อาหารทะเล ก็ต้องเลือกคอลลาเจนที่สกัดมาจากอย่างอื่นแทน
• เลือกรสชาติของคอลลาเจน
  บางคนอาจกินคอลลาเจนที่มีกลิ่นคาวไม่ได้ จึงต้องเลือกรสชาติที่สามารถทานง่ายที่สุด ซึ่งคอลลาเจนในปัจจุบันมีรสชาติที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรสหวาน รสเปรี้ยว หรือรสผลไม้ ก็สามารถเลือกทานได้ตามชอบ
• เช็กวันผลิตและวันหมดอายุ
  ก่อนจะซื้อคอลลาเจน ต้องเช็กวัน เดือน ปี ที่ผลิตและหมดอายุให้ดี เพราะประสิทธิภาพของอาหารเสริม รวมถึงคอลลาเจน ก็สามารถเสื่อมไปตามเวลาได้เช่นกัน จึงควรอ่านฉลากก่อนเลือกซื้อคอลลาเจน รวมถึงดู อย. และมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ และส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้

การกินคอลลาเจนให้ส่งผลดีต่อผิวมากที่สุด นอกจากจะต้องกินให้ถูกช่วงเวลา ในปริมาณที่พอดี และเลือกแหล่งสารอาหารคอลลาเจนให้เหมาะสมกับตัวเองแล้ว การพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นให้คอลลาเจนทำงานได้ดีขึ้น เพราะถ้าเรากินคอลลาเจนอย่างเดียว แต่ไม่ปรับพฤติกรรมดูแลตัวเองให้มีความสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิต ไม่หลีกเลี่ยงแสงแดดและมลภาวะ ไม่รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หรือมีความเครียดสะสมมากเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อเซลล์ผิวหนังได้เช่นกัน